น้องจุนกับรถเข็นเด็กคันแรก

ช่วงนี้มีเพื่อนๆคนรู้จักที่กำลังจะเป็นคุณมือใหม่กันหลายคนมากๆ #ยินดีและตื่นเต้นแทนด้วยมากๆเลยจ้า และช่วงนี้ว่าที่คุณแม่ก็คงจะง่วนอยู่กับการเตรียมของใช้ทุกสิ่งอย่างให้ลูกน้อยกันแน่ๆเลย…ของใช้เด็กมีล้านแปด

สมัยที่ท้อง หมอเองก็เตรียมตัวกันปวดหัวตาลาย ดูแล้วดูอีก อ้าวทำไมไม่ครบสักที …อืม! ของใช้ลูกเนี้ย เป็นอินฟินิตี้เนอะ …….ซื้อแค่ไหนก็ไม่มีทางครบ (บางอย่างไม่จำเป็นนะแต่แม่ need 55) #ค่อยๆทยอยซื้อนะแม่จ๋า
จะมา F ต่อหลังคลอดอีกก็ได้นะ คลายเครียด หรือจะเพลินๆช่วงปั๊มนมก็ดีค่ะ

วันนี้ก็เลยขอมารีวิวของใช้สักเล็กน้อยค่ะ… #รีวิวของใช้น้องจุน หมอรีวิวตามที่ใช้จริงและเห็นว่าใช้ดีมีประโยชน์ ไม่มีสปอนเซ่อนะค้า
เผื่อมีประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

#ว่ากันด้วยเรื่องของรถเข็นเด็ก ก่อนหน้านี้ตอนท้องยังไม่คิดจะซื้อนะคะ กะว่าให้ลูกโตนิดนึงค่อยซื้อ แบบไปเที่ยว ออกนอกบ้าน แล้วค่อยใช้รถเข็น…แต่บังเอิญว่าซื้อในงาน BBB มีโปร คือซื้อคาร์ซีทคู่รถเข็น ของแถมเยอะ อดใจไม่ไหวอีกเช่นเดิมค้า … แต่ก็รู้สึกดีที่ซื้อมานะ
เพราะได้ใช้ตั้งแต่แรกเกิดเลย คุ้มค่า

ในช่วง 1 ขวบปีแรก #หมอตั้งใจจะเลี้ยงลูก ให้ความรักความอบอุ่นเต็มที่ #อุ้มกอดให้มากที่สุด ช่วงเวลา 3 เดือนแรกคือบททดสอบของแม่ล่ะ คือตอนนั้นส่วนใหญ่เลี้ยงลูกเองแบบไม่มีคนช่วย รอสามีกลับบ้านมาผลัดเปลี่ยนกัน พอเลี้ยงไปสักพักนึง … คิดว่ามีตัวช่วยหน่อยก็ดีนะ แป๊บๆ เช่น เวลากินข้าว เข้าห้องน้ำ โน่นนี่ ขอแบบปลอดภัย มองเห็นรถเข็นที่จอดไว้ ได้เอามาใช้เลยค้า

#รถเข็นคันแรกของน้องจุน หมอเลือก Aprica รุ่น optia premium สีดำ จากร้าน #BabyGiftRetail ซึ่งสั่งไว้ก่อนคลอดประมาณ 3 เดือน ของขาดต้องรอนำเข้า… แต่บังเอิญน้องจุนคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อย รถเข็นยังไม่มา เลยแจ้งกับทาง Baby Gift Retail ไป ทางร้านก็ใจดีมากค่ะ ส่งรถเข็นตัวสำรอง สีม่วง นี้มาให้ใช้ก่อน

**ที่เลือกรุ่นนี้เพราะศึกษาข้อมูลมาบางส่วนและมีเพื่อนแนะนำมาว่าดี สะดวก ลูกชอบ #ได้ใช้งานเองจริงๆหมอก็ชอบมากนะคะ สังเกตว่าน้องจุนก็ชอบอยู่ในรถเข็น อยู่ได้ไม่งอแง ซึ่งเค้าอาจจะชิน เพราะนอกจากจะอยู่กับแม่แล้วก็อยู่กับรถเข็นมาตั้งแต่เล็กเลยเหมือนกัน มาดูรายละเอียดกันนิดนึงค่ะแล้วไปดูรูปกันเนอะ


#เป็นรถเข็นที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์จากญี่ปุ่นออกแบบตามหลัก Ergonomic Design Optia Premium ปกป้องสรีระของลูก ช่วยปกป้องศีรษะและช่วงปลายเท้าลูกในวัยแรกเกิดได้ดีค่ะ

#เบาะรองนอนหนาและออกแบบมารองรับสะโพกได้ทั้งซ้าย-ขวา ช่วยให้สรีระลูกไม่ผิดรูป หมอเลยมั่นใจ ให้น้องจุนนอนในรถเข็นได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ น้องจุนเริ่มใช้รถเข็นครั้งแรกที่อายุ 28 วัน


ช่วงนอนกลางวัน น้องจุนหลับในรถเข็นเป็นส่วนใหญ่ เข็นไปมาในบ้าน 2-3 รอบ ก็เคลิ้มแล้วค่ะ
รัดเข็มขัดนิรภัยด้วยเสมอ และคนเลี้ยงดูต้องอยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ

#จนถึงตอนนี้น้องจุนก็ยังคงหลับได้ดีบนรถเข็น เป็นตัวช่วยกล่อมนอนกลางวันได้ดีมากๆเลยค่ะ


#สามารถปรับรูปแบบการใช้งานตามช่วงอายุที่เหมาะสม
#ความประทับใจอื่นๆ ติดตามต่อในรูปภาพประกอบการบรรยายดีกว่าค่ะ ได้บรรยากาศด้วย

อ่อ แม้รถเข็นจะคันใหญ่ไปนิด แต่พกออกนอกบ้านได้นะคะ #เพราะพับและกางออกได้สะดวกด้วยมือเดียว แต่ถ้าเดินทางไป ตปท อาจจะต้องมองหารถเข็นที่เบาและเล็กกว่านี้นิดส์นึงค้า

รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์การใช้งานจริง อาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ค้า

หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้คุณแม่ที่กำลังตัดสินใจได้บ้างนะคะ มีรูปเยอะนิดนึง เพราะสมัยตัวเองหาอ่านรีวิวก็อยากดูรูปรีวิวสินค้าจริงเยอะๆ ค้า

ส่วนรายละเอียดสินค้าและราคาสินค้า ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.babygiftretail.com/…/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%8…/

จบแล้ว … ปั๊มนมเสร็จพอดี
ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะแม่ๆ⭐️✨
(รอบหน้ามารีวิวคาร์ซีทหนาคะ)

#Aprica
#ApricaThailand
#OptiaPremium
#BabyGiftRetail
#รถเข็นเด็ก
#รถเข็นทารกแรกเกิด

พาลูกคลอดก่อนกำหนดกลับบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด

คุณแม่บางท่านคลอดน้องก่อนกำหนด (ก่อนครบ 37 สัปดาห์) เพราะยังไม่ถึงเวลาลืมตามาดูโลก เจ้าตัวน้อยจึงมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ แถมยังต้องอยู่ในตู้อบและให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารผ่านทางสะดือหรือหลอดเลือดดำ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกของคุณแม่จะได้กลับบ้านเมื่อคุณหมอเห็นว่าน้ำหนักเหมาะสมแล้ว อดใจรออีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ

เมื่อถึงเวลาที่ต้องพาลูกน้อยคลอดก่อนกำหนดกลับบ้าน เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนจะมีความรู้สึกชั่งใจอยู่ไม่น้อย ใจหนึ่งก็ดีใจ อีกใจหนึ่งก็นึกห่วง ด้วยขนาดร่างกายของลูกที่เล็กกว่าปกติมาก ไหนจะระบบอวัยวะภายในที่อาจจะยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ หายใจเองก็ยังไม่ค่อยคล่อง คุณแม่อาจคิดมากว่าลูกจะกระทบกระเทือนจากการนั่งรถรึเปล่า แล้วจะเป็นอะไรไหมถ้าลูกต้องอยู่ในรถนาน ๆ

การวิตกกังวลแบบนี้เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่ค่ะ เพราะงั้นก่อนอื่น มาทำใจให้สบาย ทุกอย่างมีทางออก และเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน วิธีแก้ปัญหาก็คือการเลือกใช้คาร์ซีทที่เหมาะสมกับทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือคาร์ซีทแบบนอนราบ ซึ่งจะราบเหมือนนอนอยู่บนเตียงเลยล่ะค่ะ ที่เราแนะนำให้ใช้คาร์ซีทแบบนี้โดยเฉพาะก็เพราะว่า คาร์ซีทแบบนอนราบจะทำให้อวัยวะภายในของลูกน้อยไม่บิดงอ หายใจสะดวก รับรองว่าหลับสบายแถมปลอดภัยจนถึงบ้านเลยนะ

ปัญหาของการเดินทางของลูกน้อยที่คลอดก่อนกำหนดคือการจัดท่านอนให้ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องของสรีระและท่าทางของลูกที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เมื่อเห็นคาร์ซีทที่ผลิตมาเพื่อทารกที่คลอดก่อนกำหนดนี้ คุณแม่ก็อาจจะกำลังงง ๆ ว่าคาร์ซีทแบบนอนราบแล้วจะปลอดภัยได้ยังไง แล้วมันจะดีกว่าคาร์ซีทโดยทั่วไปแค่ไหน เราลองมาดูกันค่ะ

1. นอนราบได้ ช่วยให้หายใจได้คล่องกว่า การนอนราบจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณแม่หายใจได้สะดวกกว่า เพราะตัวไม่งอและท้องไม่ถูกกดทับ ทำให้หมดห่วงเรื่องสภาวะหายใจติดขัดที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กไปได้เลย

2. พื้นที่บริเวณศีรษะยกขึ้นเล็กน้อย ตรงส่วนที่รองบริเวณศีรษะนั้นจะยกขึ้นที่ประมาณ 5 องศาเพื่อให้ลูกน้อยหายใจได้สะดวกมากขึ้น

3. เข็มขัดนิรภัย 5 จุดเพิ่มความแน่นหนา ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ด้วยเข็มขัดนิรภัย 5 จุดที่ตัวคาร์ซีท ที่ช่วยเพิ่มความแน่นหนา แม้ว่าลูกน้อยของคุณแม่จะน้ำหนักน้อยหรือตัวเล็กมากแค่ไหน คาร์ซีทแบบนี้จะทำให้ลูกของคุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ด้วยเข็มขัดที่โอบรัดรอบตัวและรองรับแต่ละส่วนของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนวัสดุเป็นแบบที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เหมาะสำหรับผิวบอบบางของลูกน้อยเป็นอย่างยิ่งค่ะ

4. ติดตั้งง่าย สะดวกและยึดเกาะแน่น แม้ว่ารูปทรงจะดูแปลกตาแต่คาร์ซีทแบบนี้ มีวิธีการติดตั้งที่ไม่ได้ซับซ้อนเลย คุณแม่สามารถติดตั้งเองได้ง่าย ๆ แถมเมื่อติดตั้งแล้ว คุณแม่ยังสามารถวางใจได้ถึงความแน่นหนา เพราะมีการออกแบบให้ส่วนของคาร์ซีทมีระบบการติดตั้งให้ตัวคาร์ซีทยังคงยึดอยู่กับที่ แม้ว่าจะเกิดแรงกระแทกมากแค่ไหนก็ตาม

5. วัสดุทนทานต่อแรงกระแทก แถมยังระบายอากาศได้ดี เป็นเรื่องแน่นอนที่วัสดุสำหรับคาร์ซีทนั้นจะต้องทนรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อให้ลูกน้อยที่โดยสารอยู่ภายในนั้นปลอดภัย นอกจากนี้คาร์ซีทแบบนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการระบายอากาศเช่นเดียวกันค่ะ เพราะหากการระบายอากาศไม่ดีพอแล้ว ก็อาจจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัวและงอแงเอาได้นั่นเอง

ทีนี้คุณแม่ก็ไม่ต้องรู้สึกกังวลอีกต่อไปแล้วนะคะ เพราะคาร์ซีทสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดนี้จะทำให้ลูกน้อยของคุณแม่เดินทางได้อย่างปลอดภัย แถมยังทำให้คุณแม่รู้สึกสบายใจอีกด้วยค่ะ


คาร์ซีทสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด ช่วยให้น้องไลก้ากลับบ้านได้อย่างปลอดภัยค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม :

  • Inbox : m.me/Apricathailand
  • Line ID : @babygiftretail (มี @ ด้วยนะคะ)
  • Website : http://www.babygiftretail.com
  • Call Center : 086-3817175

เลือกรถเข็นเด็กให้ลูกวัยแรกเกิด ฉบับคุณแม่มือใหม่

เพราะรถเข็นเด็กทุกคัน ไม่ได้เหมาะกับเด็กแรกเกิดทุกคัน” หลายคนยังเข้าใจผิดว่ารถเข็นเด็กแต่ละคัน ดูๆแล้วก็คล้ายๆกัน น่าจะใช้เหมือนๆ กันแต่ในความเป็นจริง แล้วเด็กแรกเกิดมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดจึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่นอกจากจะช่วยปกป้องสรีระของลูกน้อย  แล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้าน สร้างสุขอนามัยที่ดี และสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้อีกด้วย

1. รถเข็นเด็กแรกเกิด ที่ดีควรสามารถนปรับให้นอนราบได้ 170 องศา ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง ยังไม่แข็งแรง จึงควรจัดให้เด็กนอนในท่านอนราบที่เป็นธรรมชาติ

2. เบาะรองนอนรูปนาฬิกาทราย จะช่วยรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม โดยมีพื้นที่วางแขนแบบ W-Shape และวางขาแบบ M-Shape เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นท่านอนที่เป็นธรรมชาติสำหรับเด็กวัยแรกเกิด

3. ชุดหมอนรองคอและสะโพก เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทารกวัยแรกเกิดที่คอยังโงนเงนไม่แข็งแรง Head Support ที่มีส่วนเว้าโค้งพอเหมาะจะช่วยสอดรับช่วงต้นคอและศีรษะ ป้องกันคอพับซึ่งอาจส่งผลต่อการปิดทับระบบทางเดินหายใจได้ Hip Support หรือหมอนรองสะโพก ช่วยประคองให้กระดูกสันหลังมั่นคงไม่โค้งหรือเอียง ช่วยจัดท่านั่งและนอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ

4. ด้วยระบบปรับอุณหภูมิในร่างกายลูกน้อยที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กทารกจะมีความสามารถในการควบคุมอุณหภุมิต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้มีเหงื่อออกมากกว่า โดยเฉพาะในเวลานอนซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเสริมสร้างพัฒนาการอย่างเต็มที่ ดังนั้นเบาะที่มีคุณสมบัติช่วยระบายอากาศได้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความร้อน ความอับชื้นที่ก่อให้เกิดผดผื่นได้ดีช่วยให้ลูกน้อยสบายตัวไม่ศีรษะและหลังเปียกแฉะ ตื่นมาด้วยความสดชื่นไม่งอแง และด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทีมวิจัยในญี่ปุ่นได้คิดค้นเบาะซึ่งมีนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Silky Air ที่ผลิตจากเส้นใยแบบ 3 มิติ ให้ผิวสัมผัสนุ่มสบาย และยังช่วยลดความอับชื้น ระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยรองรับสรีระได้อย่างนุ่มนวล

5. นอกจากเบาะระบายอากาศแล้วการเลือกโครงสร้างรถเข็นแบบโปร่งระบายอากาศทุกชั้น ตั้งแต่พนักพิงจนถึงที่นั่ง ยังมีส่วนช่วยลดความอับชื้นบริเวณหลังซึ่งเป็นส่วนที่มักมีเหงื่อออกง่ายได้ดีทีเดียว

6. ลองสังเกตเวลาที่ลูกนอนนานๆ ถึงแม้จะเปิดแอร์ไว้ตามศีรษะและหลังจะยังเปียกไปด้วยเหงื่อ ดังนั้นรถเข็นที่มีช่องระบายอากาศที่บริเวณหลัง จะช่วยระบายเหงื่อได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้รถเข็นที่มีฉนวนกันความร้อนสีเงินที่หลังยังช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้น ไม่ให้สะสมที่หลัง ช่วยให้ลูกน้อยสบายตัวมากขึ้น ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ ในเมืองไทยอย่างเราอย่างมาก

** รถเข็นเด็ก Aprica มีฉนวนกันความร้อนพิเศษ ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้นขึ้นมาจากใต้ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีช่องระบายอากาศที่ช่วยระบายเหงื่อ ลดความอับชื้น ให้เด็กนอนหลับได้สบายตัวมากขึ้น

7. ทุกคนทราบดีว่าผิวหนังและดวงตาเด็กแรกเกิดมีความบอบบางไวต่อสิ่งสัมผัสและแสงแดด คุณแม่จึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีหลังคาบังแดดได้อย่างมิดชิด และมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวและดวงตาของลูกน้อย และถ้าให้ดีหลังคาควรมีหน้าต่างเปิดปิดได้จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี นอกจากนี้ถ้าเลือกใช้รถเข็นที่หลังคาสามารถปรับระดับการเปิดได้หลายระดับจะช่วยให้คุณแม่ปรับระดับองศาหลังคาให้เหมาะสมกับความต้องการและทิศทางของแสงได้อีกด้วย

8. อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับรถเข็นเด็กแรกเกิดในยุคที่เชื้อโรคพัฒนาสายพันธุ์อย่างไม่หยุดยั้ง คือ การเลือกรถเข็นที่มีเบาะสูงแบบ High Seat ซึ่งสูงจากพื้นอย่างน้อย 50 cm. เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องลูกน้อยจากฝุ่นและสิ่งสกปรกบนพื้นนอกบ้านแล้ว ยังช่วยให้ห่างไกลจากบนพื้นถนนส่งไอความร้อนมาสะสมที่บริเวณหลังของเด็ก รถเข็นที่มีความสูงมากกว่า 50 cm. จะช่วยลดอุณหภูมิลงได้ถึง 2 องศา และลดระดับความหนาแน่นของฝุ่นละอองในอากาศลง10-20 %

9. คุณแม่ยุคใหม่ที่รักการเดินทางมักเลือกรถเข็นที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ซึ่งรถเข็นส่วนใหญ่มักมีชิ้นส่วนและข้อพับหลายชิ้นทำให้ไม่แข็งแรง วิธีสังเกตุความแข็งแรงของรถเข็นคือการ เลือกรถเข็นเด็กแรกเกิดที่มีโครงสร้างต่างๆ เชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน จะช่วยลดลอยต่อข้อพับต่างๆเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจะข้อต่อที่หลวมได้ดีอีกด้วย

10. และเพราะรถเข็นต้องถูกใช้นอกบ้าน เราอาจต้องเข็นในบริเวณที่มีความขรุขระหรือพื้นที่มีรอยต่อของอิฐอย่างอิฐตัวหนอนในสวนสาธารณะ รถเข็นที่มีระบบรองรับการสั่นสะเทือนหรือโช้คอัพที่ล้อจะช่วยเพิ่มความนุ่มนวลนั่งสบายให้กับลูกน้อยและช่วยให้คุณแม่เข็นง่าย ในปัจจุบันรถเข็นรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาให้เพิ่มระบบโช้คอัพรองรับแรงกระแทกได้มากขึ้นเป็น 2 จุด ทั้งที่ล้อ และใต้ที่นั่ง ช่วยลดการสั่นสะเทือนลงได้อีกถึง 40% ให้ลูกน้อยหลับสบายตลอดการเดินทาง

11. หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าทุกครั้งที่เอาลูกลงนั่งรถเข็นแล้วร้องไห้ เพราะลูกไม่ชอบนั่งรถเข็น ซึ่งก็อาจจะถูก แต่ที่จริงแล้วหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ลูกร้องอาจะเป็นเพราะรถเข็นบางคันไม่สามารถเข็นได้ 2 ทาง ทำให้เมื่อวางลูกลง คุณแม่จะต้องไปยืนเข็นจากด้านหลังทำให้ลูกไม่สามารถเห็นหน้าคุณแม่ได้ จึงทำให้ร้องไห้ ดังนั้นการเลือกใช้รถเข็นสำหรับเด็กในวัยแรกเกิด-6 เดือนควรเลือกรถเข็นที่ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง เพื่อให้คุณแม่สามารถอยู่ใกล้ชิดลูกน้อยได้ตลอดเวลา ลูกน้อยได้เห็นคุณแม่จะทำให้รู้อบอุ่นมั่นใจและมีความสุข นอกจากจะเสริมสร้างสายใยความผูกพัน ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้สำหรับทารกได้ดีอีกด้วย และการเลือกรถเข็นที่มาพร้อมระบบล้อหมุน360 องศาอัตโนมัติทั้ง 4 ล้อ หรือที่เรียกว่า Auto 4 wheel จะช่วยให้การเข็นได้ไหลลื่นสบายโดยเฉพาะเมื่อเข็นในที่แคบ สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางการเข็นได้ง่าย

12. นมคืออาหารหลักของเด็กแรกเกิด เมื่อเด็กต้องทานนมทั้งวันก็ต้องฉี่บ่อย หรืออาจเกิดอาการสำลัก อาเจียร ทำให้รถเข็นเลอะเทอะ ฉะนั้นการเลือกรถเข็นเด็กแรกเกิดที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย เบาะแห้งไว ซักได้บ่อยเท่าที่ต้องการ จะช่วยให้รถเข็นสะอาดไร้กลิ่นอับเพื่อสุขอนามัยที่ดี

*** ข้อมูลอ้างอิงจาก

8.3.8 Principle The Reason Behind That Smile คือ หัวใจหลักที่ Aprica ยึดมั่น เป็นแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม เพื่อปกป้องและดูแลเด็กแรกเกิด คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ ศูนย์วิจัย Aprica จากประเทศญี่ปุ่น

แนะนำรถเข็นเด็กแรกเกิด Aprica ที่มีคุณสมบัติครบครันเพื่อความสุขแบบ Double 2 รุ่น

 

ขอบคุณรีวิวจากคุณแม่เลอค่า เพจแบ่งปันความรู้และประสบการณ์การเลี้ยงลูกเชิงบวก รวมถึงเรื่องอาหารการกิน การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว การใช้ชีวิตในและนอกบ้าน